บทความ

มาทำความรู้จักกับความแตกต่างของปากกาเจลและปากกาลูกลื่นกันเถอะ

หากเรามองไปที่ชั้นวางปากกาในร้านเครื่องเขียนแล้วนั้นแทบจะมองไม่เห็นความแตกต่างของปากกาลูกลื่นและปากกาเจลเท่าไหร่นัก หรือบางทีก็ถูกจัดเรียงไว้อยู่ที่เดียวกันด้วยซ้ำ ดังนั้นมาทำความรู้จักกับปากกาเจลและปากกาลูกลื่นกันหน่อยดีกว่า

ปากกาที่ใช้กันทั่วไปส่วนมากจะเป็นปากกาลูกลื่น หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Ballpoint pen และปากกาเจล เรียกว่า Gel Rollerball pen ซึ่งมีทั้งความเหมือนและความแตกต่างของปากกา 2 ชนิดนี้ โดยจุดแรกคือกลไกของหัวปากกาที่มีความคล้ายคลึงกัน นั่นก็คือ หัวบอลเล็กๆบริเวณปลายหัวปากกาโลหะ ที่เมื่อสัมผัสบนผิวกระดาษ จะหมุนผลักดันน้ำหมึกออกมา แม้หัวปากกาจะมีลักษณะเหมือนกัน แต่ด้วยความหนืดของหมึกลูกลื่นและหมึกเจลนั้นต่างกัน จึงทำให้ลายเส้นที่ถูกเขียนผ่านปลายปากกานั้นให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันออกไป

โดยหมึกของปากกาเจล มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ส่งผลให้น้ำหมึกมีความหนืดต่ำ จึงสัมผัสได้ถึงความลื่นในการเขียนมากกว่าการเขียนด้วยหมึกปากกาลูกลื่น ที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก อีกทั้งผงหมึกปากกาลูกลื่นมีความหนาแน่นมาก จึงมีความหนืด ที่ทำให้ง่ายต่อการควบคุมทิศทางของลายเส้น แต่เขียนแล้วจะรู้สึกว่าไม่นุ่มลื่นเท่าหมึกปากกาเจล ด้วยน้ำหมึกที่ลื่นไหล ปากกาเจลจึงมักถูกออกแบบมาให้สามารถเปลี่ยนไส้ปากกาได้ เพื่อความคุ้มค่าของราคาและยืดอายุการใช้งานของด้ามปากกานั่นเอง

ในด้านความต่างของสีน้ำหมึก เม็ดสีของหมึกเจลโดยเฉพาะหมึกประเภท Dye ink นั้นมีความสามารถในการสะท้อนต่อแสงได้ดีกว่า จึงทำให้ลายเส้นของหมึกเจลนั้นคมชัดและมีสีที่สดใสกว่าหมึกปากกาลูกลื่น และมีความสม่ำเสมอของลายเส้นที่มากกว่าหมึกปากกาลูกลื่นอย่างเห็นได้ชัด ในทางกลับกันหากมองแง่ของการดูแลรักษาจะพบว่าปากกาลูกลื่นถือว่าทนทานใช้ได้นาน และหมึกสามารถกันน้ำได้ดีกว่าหมึกเจล(เพราะมีน้ำเป็นหนึ่งในส่วนประกอบ)

ทั้งนี้จึงขึ้นอยู่กับความชอบและความถนัดของแต่ละคนแล้วว่าชอบการเขียนแบบไหน หรืออาจจะเก็บปากกาไว้ทั้ง2อย่าง เพื่อใช้กับในรูปแบบงานที่แตกต่างกัน จึงขอเชิญชวนให้ได้ไปลองเขียน สัมผัสถึงความแตกต่าง ผ่านประสบการณ์จริงได้ที่ ชั้นวางปากการ้านเครื่องเขียนกันได้เลย ^ ^